
แรชฟอร์ด: “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรยึดลิเวอร์พูลเป็นแบบอย่างในช่วงเปลี่ยนผ่าน”
Mansion Sports - มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าที่ปัจจุบันถูกบาร์เซโลนายืมตัว ได้ให้สัมภาษณ์เชิงลึกเปิดเผยมุมมองของตนต่อเหตุผลที่ทำให้ยุครุ่งเรืองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นเพียงเรื่องเล่าในอดีต แม้เจ้าตัวยังมีสัญญาอยู่กับยูไนเต็ด แต่เขาเพิ่งใช้เวลา 6 เดือนเล่นให้แอสตัน วิลล่า ก่อนจะย้ายมาสู่ถิ่นคัมป์นูในฤดูกาลนี้
ในรายการ The Rest is Football ร่วมกับแกรี ลินิเกอร์ และไมกาห์ ริชาร์ดส์ แรชฟอร์ดได้พูดคุยหลายประเด็น ตั้งแต่การปรับตัวในบาร์เซโลนา ตำแหน่งการเล่น ไปจนถึงการประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสนทนาครั้งนี้
สามผู้จัดการทีมที่ส่งอิทธิพลมากที่สุดต่อเส้นทางอาชีพ
เมื่อถูกถามถึงผู้จัดการทีมที่มีอิทธิพลสูงสุดในเส้นทางค้าแข้ง แรชฟอร์ดได้เลือก 3 คนแรกที่เขาร่วมงานในยูไนเต็ด ได้แก่ หลุยส์ ฟาน กัล, โชเซ มูรินโญ และโอเล กุนนาร์ โซลชาร์
แรชฟอร์ดกล่าวว่า “สำหรับผม คนที่มีอิทธิพลที่สุดน่าจะเป็นฟาน กัล, โชเซ และโอเล มันยากที่จะเปรียบเทียบกัน แต่พวกเขาคือผู้จัดการทีมที่ผมได้เจอในช่วงที่กำลังพัฒนา ดังนั้นผลกระทบต่อผมจึงมากกว่า”
เขาเสริมว่า “ฟาน กัล ต้องการให้ทีมเล่นฟุตบอลอย่างสวยงาม ก่อนจะเจอโชเซ ผมไม่เคยมีโค้ชที่หมกมุ่นกับชัยชนะมากขนาดนั้น ถ้าเลือกได้ เขาก็อยากให้ทีมเล่นสวยงาม แต่ถ้าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง การชนะคือสิ่งสำคัญที่สุด”
แรชฟอร์ดยอมรับว่าในช่วงแรกเขาไม่เข้าใจปรัชญาของมูรินโญนัก “ในอะคาเดมี ต่อให้ชนะ แต่ถ้าเล่นไม่ดี ผมก็ยังรู้สึกโกรธเพราะมีบางอย่างหายไป โชเซไม่พูดถึงเรื่องนี้ถ้าเราชนะ แต่ถ้าแพ้ เขาถึงจะพูด มันใช้เวลาราวหกเดือนกว่าผมจะเข้าใจและซาบซึ้งในแนวคิดของเขา และสุดท้ายผมก็ได้บทเรียนมากมายจากเขา”
อะคาเดมียูไนเต็ดที่ขาดความต่อเนื่อง
แรชฟอร์ดชี้ว่าระบบอะคาเดมีของยูไนเต็ดในปัจจุบันไม่สม่ำเสมอเหมือนยุคของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน “ในสมัยของเฟอร์กี้ ระบบการฝึกซ้อมเหมือนกันทุกระดับ ทำให้ผู้เล่นตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไปพร้อมสำหรับก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ แต่ตอนนี้ระบบเปลี่ยนบ่อยเกินไป มันเป็นการตอบสนองแบบฉับพลัน คุณไม่สามารถคาดหวังชัยชนะอย่างต่อเนื่องได้”
เขากล่าวต่อว่า “การชนะในถ้วยบางรายการอาจเกิดขึ้นได้เพราะมีโค้ชที่เก่ง นักเตะที่เก่ง และทีมที่ดี แต่ถ้าเรากำลังพูดถึงเป้าหมายที่จะพายูไนเต็ดกลับสู่จุดสูงสุด แล้วจะคาดหวังอะไรได้ถ้าระบบเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา”
ตัวอย่างความสำเร็จของลิเวอร์พูลที่ยูไนเต็ดไม่เรียนรู้
ในมุมมองของแรชฟอร์ด ยูไนเต็ดติดอยู่ในสภาวะไร้ทิศทางตั้งแต่การอำลาของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แตกต่างจากลิเวอร์พูลที่สามารถฟื้นตัวได้ภายใต้การคุมทีมของเจอร์เกน คล็อปป์
“หลายคนบอกว่ายูไนเต็ดอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านมานานแล้ว แต่การจะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน คุณต้องเริ่มมันจริง ๆ เสียก่อน และสำหรับผม ช่วงเปลี่ยนผ่านนั้นยังไม่เริ่มต้นเลย”
เขายกตัวอย่างว่า “ตอนลิเวอร์พูลได้คล็อปป์ พวกเขายังอยู่กับเขาแม้ไม่ได้ชนะทันที ทุกวันนี้ไม่มีใครจำช่วงเริ่มต้นนั้นได้ เพราะสิ่งสำคัญคือพวกเขามีแผนและยึดมั่นกับมัน”
“ยูไนเต็ดเปลี่ยนผู้จัดการทีมบ่อยเกินไป จนสุดท้ายก็ไม่ไปไหน ติดอยู่ในพื้นที่สีเทา มันเจ็บปวด ไม่ใช่แค่ในฐานะนักเตะ แต่ในฐานะแฟนยูไนเต็ดด้วย”
โอกาสลงประเดิมสนามกับบาร์เซโลนายังไม่แน่นอน
แรชฟอร์ดมีโอกาสลงสนามนัดแรกให้บาร์เซโลนาในคืนวันเสาร์ เวลา 19.30 น. ตามเวลายุโรปกลาง (CEST) ในการบุกเยือนอาร์ซีดี มายอร์กา อย่างไรก็ตาม การลงทะเบียนนักเตะใหม่ของเขายังมีอุปสรรค และสโมสรกำลังแข่งกับเวลาเพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะพร้อมลงสนามในเกมนี้